เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องประชุม 3 ภาควิชาฟิสิกส์และวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค จัดการประชุมหารือแนวทางการบูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ สร้างเครือข่ายระหว่างนักวิชาการ นักวิจัย และสถาบันวิจัย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการดำเนินโครงการและความร่วมมือในการพัฒนางานวิจัย โดยกิจกรรมดังกล่าวประกอบมีการบรรยายสรุปวัตถุประสงค์การจัดประชุม เป้าหมายสู่ความยั่งยืนของศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค โดย รศ. ดร.ดวงมณี ว่องรัตนะไพศาล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ และหัวหน้าศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค และการบรรยายเรื่องอนาคตและบทบาทในการก้าวสู่การเป็นศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญอย่างยั่งยืน “What good is a newborn baby?: ….” โดย ศ. ดร.ธีรวรรณ บุญญวรรณ ที่ปรึกษาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค
จากนั้นนักวิจัยแกนนำเครือข่ายภาคีความร่วมมือได้ร่วมกับอภิปรายเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และหารือในประเด็นต่าง ๆ อาทิ
- การถ่ายทอดประสบการณ์ความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค กับ ห้องปฏิบัติการวิจัยเครื่องเร่งอิเล็กตรอนเชิงเส้น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โดย ผศ. ดร.สาคร ริมแจ่ม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - การกระตุ้นความร่วมมือระหว่างผู้ที่สนใจในการใช้ประโยชน์จากเครื่องเร่งอนุภาค
โดย ดร.มนต์ชัย จิตรวิเศษ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี - การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานผ่านศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค
โดย ดร.มติ ห่อประทุม ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) - ประสบการณ์การพัฒนาเครื่องเร่งอนุภาคในประเทศไทย
โดย ดร.สมใจ ชื่นเจริญ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) - การสนับสนุนการพัฒนาเครื่องมือวิจัยร่วมกับเครือข่าย
โดย นายอภิชาต เหล็กงาม สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) - ความร่วมมือระดับนานาชาติ SIT กับศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค
โดย รศ. ดร.นิธิพนธ์ พุทธรักษา Shibaura Institute of Technology (SIT) ประเทศญี่ปุ่น
การประชุมหารือนี้มีนักวิจัยในเครือข่ายศูนย์รวมผู้เชี่ยวช่าญด้านเครื่องเร่งอนุภาคและผู้เกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาคการศึกษา หน่วยงานด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งสิ้น 7 หน่วยงาน เป็นจำนวนกว่า 60 คน


















